ญี่ปุ่นเป็นประเทศพัฒนาแล้วที่มีมีกำลังซื้อสูง ประชากรคุ้นเคยกับดิจิทัล มีการใช้บัตรเครดิตและสมาร์ทโฟนที่แพร่หลาย กฎระเบียบทางการค้าของญี่ปุ่นนั้นง่าย ไม่ยุ่งยาก และกฎหมายด้านภาษีก็ค่อนข้างตรงไปตรงมา
การเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซของญี่ปุ่น (CAGR 2023-2027) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกเล็กน้อย แต่ถือว่าแข็งแกร่งมากสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว เปรียบเทียบกับการเติบโตของสหราชอาณาจักร 1 ที่ 7%
ภาพรวมตลาด
อีคอมเมิร์ซในญี่ปุ่นยังคงเติบโต การเจาะตลาดไปยังผู้ใช้งาน (จำนวนผู้ใช้งานวัยผู้ใหญ่ที่ใช้อีคอมเมิร์ซเป็นประจำ) จะเป็น 78.5% ภายในสิ้นปี 2023 และคาดว่าจะสูงถึง 92.8% ภายในปี 2027 นี่คือการเติบโตที่น่าประทับใจในฐานะที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาและจีน 2
ตลาดญี่ปุ่นใช้เวลานานในการยอมรับกระแสการช้อปปิ้งออนไลน์ แต่ก็ถือว่ามีการเติบโตที่รวดเร็ว ในทุกๆ ปี การค้าผ่านอีคอมเมิร์ซสามารถชิงส่วนแบ่งได้ 0.5% จากการค้าปลีกทั้งหมด และเนื่องจากความนิยมในการช้อปปิ้งออนไลน์เพิ่มมากขึ้น การจัดส่งที่รวดเร็วส่งผลต่อการเติบโตของอีคอมเมิร์ซเป็นอย่างมาก หรืออาจพูดได้ว่าความเร็วและความสะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญต่อการค้าบนอีคอมเมิร์ซ 3
เทรนด์ผู้บริโภค
การแบ่งปัน การเช่า การใช้ซ้ำ และการตกแต่งใหม่เริ่มเป็นที่นิยม
แม้ว่าผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับความเป็นเจ้าของเมื่อไม่นานมานี้ แต่ผู้บริโภคก็เริ่มเปิดกว้างมากขึ้นในการแบ่งปันหรือเช่าสินค้าแทนที่จะซื้อ สินค้าเช่น หนังสือ จักรยาน รถยนต์ไฟฟ้า แม้กระทั่งเสื้อผ้า
ในทำนองเดียวกัน แนวคิดเรื่องการซื้อสินค้ามือสองแล้วดูไม่ดีก็เริ่มหมดไป เมื่อผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากกว่า "สินค้าใหม่"
การสมัครสมาชิก
แบรนด์ต่าง ๆ เริ่มให้บริการแบบสมัครสมาชิกในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและผลิตภัณฑ์เสริมความงาม การสมัครสมาชิกได้รับความนิยมสูงขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
อีคอมเมิร์ซในญี่ปุ่น: ประเทศที่นำเข้ามายังญี่ปุ่น
นักช้อปชาวญี่ปุ่นซื้ออะไรออนไลน์?
ไม่เหมือนกับประเทศอื่นๆ อีคอมเมิร์ซในญี่ปุ่นไม่ได้ถูกครอบงำโดยแฟชั่นและเสื้อผ้าเสียทั้งหมด อาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า และของตกแต่งภายในก็มีความสำคัญพอ ๆ กัน
นี่คือภาคตลาดอีคอมเมิร์ซ B2C ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ณ ปี 2021 (พันล้านเยน) 5 :
นักช้อปในญี่ปุ่นซื้อสินค้าออนไลน์ที่ไหน?
ตลาดออนไลน์(Marketplaces) ยอดนิยมห้าอันดับแรกในญี่ปุ่น 6
ตัวเลือกการชำระเงินยอดนิยมของญี่ปุ่น
บัตรเครดิตเป็นวิธีการชำระเงินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ในหมู่ผู้ซื้อดิจิทัลในญี่ปุ่น 7
วิธีการชำระเงินที่ไม่เหมือนใครในญี่ปุ่นคือการชำระที่ร้านสะดวกซื้อ (เรียกว่า Konbini) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณหนึ่งในสามของการชำระเงินและมีให้บริการ 55,000 แห่งทั่วประเทศ วิธีนี้เป็นที่นิยมโดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นที่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือไม่สามารถเข้าถึงเครดิตได้
การเก็บเงินปลายทางก็เป็นเรื่องปกติเช่นกัน โดยผู้ซื้อออนไลน์ประมาณ 20% ใช้วิธีนี้ เนื่องจากวิธีนี้ทำให้รู้สึกปลอดภัยและไม่ต้องเปิดเผยตัวตนเมื่อซื้อสินค้า
วันหยุดและเทศกาลของญี่ปุ่นที่น่าติดตาม
เช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศ ญี่ปุ่นมีวันหยุดประจำชาติและกิจกรรมต่างๆ เป็นจำนวนมาก ที่ผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซควรติดตาม
- การซื้อของขวัญเพิ่มขึ้นในช่วง วันวาเลนไทน์ วันไวท์เดย์ และ วันคริสต์มาส
- คนญี่ปุ่นจำนวนมากลาพักร้อนในช่วง Shogatsu (โชกัตสึ ช่วงวันหยุดปีใหม่: 28 ธันวาคม - 3 มกราคม) และวันหยุด Obon (โอบ้ง 5 วันในช่วงกลางเดือนสิงหาคม) และมักจะไม่อยู่บ้าน
- Hatsu-Uri (เทศกาลลดราคาปีใหม่) จัดขึ้นในช่วงต้นเดือนมกราคม
- Winter Clearance Sale (เทศกาลลดราคาล้างสต๊อกฤดูหนาว) จัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ โดยเน้นสินค้าแฟชั่นเป็นหลัก
- เทศกาล Shin Sei Katsu Sale (ชินเซคัตสึ เทศกาลช่วงเปิดเทอม ต้อนรับกลับสู่โรงเรียนและเริ่มชีวิตใหม่) เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน (ล่าสุดเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์)
- Golden Week Sale (ลดราคาช่วงสัปดาห์ทอง) จัดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม
- Black Friday (แบล็กฟรายเดย์) ในเดือนพฤศจิกายน เทศกาลนี้เริ่มแพร่หลายในญี่ปุ่นแต่ไม่สำคัญเท่ากับในสหรัฐอเมริกา
- Bonus Sale มีขึ้นในช่วงฤดูร้อน/ฤดูหนาว ตามรอบการจ่ายโบนัสของญี่ปุ่น ที่จ่ายปีละสองครั้ง ช่วงต้นเดือนกรกฎาคมและกลางเดือนธันวาคม เทศกาล Bonus Sale มักเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมและธันวาคม
กลยุทธ์การเจาะตลาดญี่ปุ่น: เคล็ดลับความสำเร็จของอีคอมเมิร์ซในญี่ปุ่น
เรามีผู้เชี่ยวชาญ DHL ในประเทศญี่ปุ่นที่จะช่วยคุณเอาชนะความท้าทายที่พบบ่อยที่สุดเมื่อส่งออกไปยังญี่ปุ่น:
- ค้นหาตัวแทนจำหน่ายชาวญี่ปุ่น สามารถช่วยคุณสำรวจตลาดท้องถิ่นและขายสินค้าในญี่ปุ่นได้ง่ายขึ้น
- ทำความเข้าใจกับมาตรฐานการรับรองของญี่ปุ่น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจมาตรฐานการรับรองสำหรับผลิตภัณฑ์ของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของคุณตรงตามข้อกำหนดที่จำเป็นและสามารถขายในตลาดญี่ปุ่นได้
- เลือกผู้ให้บริการการจัดส่งที่เชื่อถือได้เพื่อการจัดส่งที่ราบรื่น ทำความเข้าใจขั้นตอนการนำเข้าและข้อกำหนดสำหรับการจัดส่งไปยังญี่ปุ่น อย่าลืมระบุที่อยู่และรหัสไปรษณีย์ของญี่ปุ่นให้ถูกต้อง เนื่องจากเมืองและชื่อถนนหลายแห่งอาจฟังดูคล้ายกัน
- มีการจัดส่งที่รวดเร็วและเลือกเวลาจัดส่งได้ ปัจจุบันผู้บริโภคญี่ปุ่นคุ้นเคยกับบริการจัดส่งที่สามารถเลือกเวลาจัดส่งได้ รวมถึงการจัดส่งภายในวันเดียวด้วย พื้นที่ของบ้านและห้องนั่งเล่น/ทำงานในร่มในญี่ปุ่นมีไม่มากนัก ดังนั้นของใช้ในบ้านต่างๆหรือเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ที่ขายโดยแบรนด์ต่างประเทศจึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก
- ขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของญี่ปุ่น ลองขายผลิตภัณฑ์ของคุณบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมในญี่ปุ่น วิธีนี้ช่วยให้สินค้าของคุณเข้าถึงผู้ชมได้กว้างขึ้นและเพิ่มยอดขายได้
แผนการดำเนินธุรกิจในญี่ปุ่น: กฎระเบียบการนำเข้าและพิธีการศุลกากร
อาหารจะต้องมีฉลากเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างชัดเจน พร้อมข้อมูลประเทศต้นทางและสารก่อภูมิแพ้ที่อาจเกิดขึ้น นอกจากอาหารแล้ว ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอาหารหรือการบริโภคของมนุษย์ เช่น เครื่องครัวและอุปกรณ์ทำอาหาร ก็ยังถูกบังคับใช้กฎหมายสุขอนามัยอาหาร (Food Sanitation Laws) อีกด้วย
เครื่องใช้ไฟฟ้าและวัสดุต้องเป็นไปตามมาตรฐานและข้อกำหนดทางเทคนิค ซึ่งส่งผลต่อการติดฉลาก และผลที่ตามมาคือการขายและการแสดงสินค้า
เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ธุรกิจส่วนใหญ่จึงต้องรีไซเคิลวัสดุห่อหรือบรรจุภัณฑ์บางประเภท รวมถึงแก้ว กระดาษ และพลาสติก
พืชและผลผลิตทางการเกษตรอยู่ภายใต้ข้อกำหนดการกักกัน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน DHL Trade Automation Service
ก้าวแรกสู่อีคอมเมิร์ซในญี่ปุ่น?
เพื่อให้แน่ใจว่าคุณเริ่มต้นอย่างปลอดภัยและถูกต้อง เปิดบัญชีธุรกิจ DHL Express เลยวันนี้ เพื่อรับคำแนะนำในการขนส่งระหว่างประเทศจากผู้เชี่ยวชาญและอัตราค่าบริการพิเศษสำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ