ธุรกิจควรขายบนเว็บอีคอมเมิร์ซ ตลาดออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย

ในอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วของประเทศไทย เจ้าของธุรกิจและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) กําลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สําคัญ ในการเลือกแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มการสร้างกำไรให้กับธุรกิจมากที่สุด

การตัดสินใจที่สําคัญนี้ไม่ใช่เพียงแค่การเลือกว่าจะนำสินค้าไปแสดงบนแพลตฟอร์มไหน แต่หมายถึงการนำเสนอเอกลักษณ์ของแบรนด์ ไปหากลุ่มลูกค้าที่ใหญ่ขึ้นบนตลาดออนไลน์ ตลอดจนการมีปฏิสัมพันธ์และโต้ตอบกับการค้าขายบนโซเชียลมีเดียด้วย

ในขณะที่ตลาดดิจิทัลมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การทําความเข้าใจแนวโน้ม เทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคให้อัพเดทอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งจําเป็นในการทำธุรกิจ บทความนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้คุณเข้าใจภาพรวมของแต่ละแพลตฟอร์ม ร่วมกับสถิติและตัวอย่างที่นำไปใช้ได้จริง ออกแบบมาเพื่อให้ SMEs ไทยได้รับข้อมูลเชิงลึกที่จําเป็นในการขายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ เช่นการสร้างตัวตนที่มีเอกลักษณ์บนช่องทางออนไลน์ การมีส่วนร่วมกับผู้ชมจํานวนมากบนตลาดดิจิทัล หรือแม้แต่การใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของโซเชียลมีเดียเพื่อการทำการค้า

1. การขายบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ

ในยุคดิจิทัลการมีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซนั้นคล้ายกับการเป็นเจ้าของร้านค้าที่มีหน้าร้านซึ่งเป็นพื้นที่ของคุณเองทั้งหมด โดยการมีเว็บไซต์เป้นของตัวเองนั้นจะช่วยสะท้อนถึงอัตลักษณ์ของแบรนด์ของคุณได้ดีที่สุด 

ข้อดีของการขายบนเว็บไซต์ของคุณเอง

การสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณทําให้คุณสามารถออกแบบการเล่าเรื่องของแบรนด์และประสบการณ์ที่ลูกค้าจะได้รับได้อย่างเต็มที่ ช่องทางการขายภายเว็บไซต์ของแบรนด์โดยตรงนี้จะได้รับกำไรมากกว่า เนื่องจากคุณไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการขายบนตลาดออนไลน์ นอกจากนี้ยังสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ซึ่งมีความสําคัญต่อความภักดีของลูกค้ารวมไปถึงได้รับข้อมูลเชิงลึกอีกด้วย

บทความโดย Neil Patel กล่าวว่าการปรับเปลี่ยนเว็บไซต์ให้เฉพาะเจาะจงไปตามลูกค้าแต่ละคน (Personalization)ช่วยเพิ่ม ROI ทางการตลาดได้ถึง 20% นอกจากนี้การโต้ตอบโดยตรงกับลูกค้าทำให้อัตราการรักษาลูกค้าไว้ได้สูงขึ้น ซึ่งนี่เป็นกุญแจสําคัญสําหรับการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

ความท้าทาย

การสร้างเว็บไซต์เพื่อขายสินค้า จำเป็นต้องมีการลงทุนครั้งแรกในเรื่องการออกแบบ และการพัฒนาเว็บไซต์ เพื่อการดึงดูดการเข้าชมหรือลูกค้าที่กลุ่มเป้าหมายมายังไซต์ของคุณ อีกทั้งยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในด้านการตลาดและการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ (SEO) นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดเหล่านี้เจ้าของธุรกิจมักจะต้องจัดการด้านโลจิสติกส์และการชำระเงินด้วยตัวเอง ในจุดนี้การร่วมมือกับพันธมิตรด้านโลจิสติกส์ที่เป็นที่ยอมรับเช่น DHL Express สามารถมอบโซลูชันที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นสําหรับการจัดการการขนส่งระหว่างประเทศ ให้กับธุรกิจออนไลน์ของคุณได้

กลยุทธ์การตลาดเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพ

หากต้องการให้เว็บไซต์ของคุณมีประสิทธิภาพ ให้ลงทุนในการออกแบบเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและคงความมีเอกลักษณ์ของแบรนด์ของคุณไว้ จัดลําดับความสําคัญของ SEO เพื่อเพิ่มการมองเห็น ทำคอนเทนต์เพื่อเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์และดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์  โลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพมีความสําคัญต่อความพึงพอใจของลูกค้า สามารถปรับปรุงได้โดยการร่วมมือกับผู้ให้บริการจัดส่งที่มีประสบการณ์เพื่อการจัดส่งระหว่างประเทศที่เชื่อถือได้

2. การขายในตลาดออนไลน์

ในตลาดดิจิทัลที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วของประเทศไทยรายชื่อตลาดออนไลน์เช่น Lazada และ Shopee ยังคงดําเนินต่อไปและกลายเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงพลังในการเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง ตลาดเหล่านี้นําเสนอทางเลือกที่เข้าถึงได้และมีส่วนร่วมสําหรับธุรกิจในการเชื่อมต่อกับลูกค้าทั้งในประเทศและทั่วโลก

ข้อดีของการใช้ตลาดออนไลน์

การขายในตลาดออนไลน์ช่วยให้เข้าถึงฐานลูกค้าจํานวนมากได้ทันที แพลตฟอร์มเหล่านี้ขึ้นชื่อเรื่องความไว้วางใจและความน่าเชื่อถือในตัว ซึ่งสามารถติดตามยอดขายได้อย่างรวดเร็ว พวกเขามักจะนําเสนอโซลูชั่นโลจิสติกส์แบบบูรณาการซึ่งเป็นประโยชน์สําหรับธุรกิจที่พึ่งเริ่มต้น

ตามรายงานของ Edge by Ascential ยอดขายในตลาดจะคิดเป็น 59% ของอีคอมเมิร์ซทั่วโลกภายในปี 2027 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในพื้นที่การขายออนไลน์

ความท้าทาย

ตลาดมีการแข่งขันสูง โดยมีโอกาสจํากัดในการสร้างแบรนด์ ผู้ขายต้องเผชิญกับค่าธรรมเนียมที่กระทบอัตรากําไร นอกจากนี้การนํายังมีกฎและข้อบังคับในตั้งค่าร้านค้าแบรนด์ของคุณบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเหล่านี้ด้วย

กลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ

หากต้องการประสบความสําเร็จ ให้สร้างโปรไฟล์ผู้ขายที่แข็งแกร่งและสร้างรีวิวดีๆตั้งแต่เนิ่นๆ ทําความเข้าใจและรวมโครงสร้างค่าธรรมเนียมกับกลยุทธ์การตั้งราคาของคุณ ใช้การวิเคราะห์ตลาดออนไลน์เพื่อปรับแต่งรายการสินค้าและการโฆษณาเพื่อเพิ่มการมองเห็นของร้านค้าของคุณ

3. การขายบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

ในยุคดิจิทัลเราได้เห็นการเพิ่มขึ้นของช่องทางโซเชียลมีเดียอย่างและการเปลี่ยนแพลตฟอร์มเหล่านี้ให้เป็นช่องทางอีคอมเมิร์ซที่มีศักยภาพและมีกําไร  ในประเทศไทยซึ่งมีการใช้โซเชียลมีเดียอยู่ที่ 81.2% จากข้อมูลของ OOSGA การใช้ประโยชน์จาก แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยเปิดประตูสู่ฐานลูกค้าที่กว้างใหญ่และหลากหลายมากขึ้น

ข้อดีของการขายบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเช่น Facebook และ Instagram ให้การเข้าถึงผู้ใช้หลายล้านคน ระบบโฆษณาของพวกเขาช่วยให้สามารถกําหนดเป้าหมายแคมเปญเข้าถึงลูกค้าที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อุปสรรคในการเข้าต่ําทําให้การค้าบนโซเชียลมีเดียเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

Meta รายงานว่าผู้ใช้เว็บมากกว่า 1 พันล้านคนเข้าถึง Marketplace ในแต่ละเดือนบน Facebook เพียงอย่างเดียว ซึ่งเน้นย้ําถึงศักยภาพของแพลตฟอร์มเหล่านี้สําหรับอีคอมเมิร์ซ

ความท้าทาย

แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอาจขาดคุณสมบัติอีคอมเมิร์ซขั้นสูง และการสร้างความไว้วางใจอาจเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก นอกจากนี้การมองเห็นของคุณยังขึ้นอยู่กับความตั้งใจของอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มด้วย

กลยุทธ์โซเชียลมีเดียที่มีประสิทธิภาพ

มุ่งเน้นไปที่การสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและแชร์ได้ซึ่งโดนใจผู้ชมของคุณ ใช้โฆษณาที่ตรงเป้าหมายเพื่อเข้าถึงกลุ่มที่มีโอกาสเป็นลูกค้า และต้องแน่ใจว่าการค้าบนโซเชียลมีเดียของคุณรวมเข้ากับสถานะออนไลน์โดยรวมของคุณ สิ่งสําคัญคือต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในอัลกอริทึมและนโยบายของแพลตฟอร์ม ต่อไปนี้คือเคล็ดลับบางประการ ที่คุณสามารถใช้เพื่อทําให้การขายทางโซเชียลมีเดียของคุณประสบความสําเร็จ