#คําแนะนําเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซ

เปิดโลกอีคอมเมิร์ซไร้พรมแดนในตลาด UAE กับ DHL Express

facebook sharing button
twitter sharing button
linkedin sharing button
Smart Share Buttons Icon Share

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เป็นประเทศที่ตั้งของตึกที่สูงที่สุดในโลก คือ Burj Khalifa ในดูไบ แต่ไม่เพียงแค่ความก้าวหน้าด้านตึกสูงเท่านั้น ประเทศนี้ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตสูงสุดในตะวันออกกลาง (มากกว่า 90%) ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้อีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว

การเป็นประเทศรายได้สูงทำให้ผู้บริโภคมีเงินใช้จ่ายมากมาย พวกเขาใช้เงินไปกับอะไรกันนะ? และคุณจะเข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดอีคอมเมิร์ซที่เต็มไปด้วยโอกาสแห่งนี้ได้ยังไง ลองอ่านบทความที่เราตั้งใจรวบรวมข้อมูลมาให้ รับรองว่ามีแนวทางดีๆ ในการเปิดตลาดอีคอมเมิร์ซกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มาเปิดโลกอีคอมเมิร์ซและการขนส่งที่ไร้พรมแดน แล้วส่งสินค้าไปขายที่ UAE กับ DHL Express กัน 

ประชากร 9.5 ล้านคน

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประกอบไปด้วย 7 รัฐ ได้แก่ อาบูดาบี อัจญ์มาน ดูไบ ฟญัยเราะฮ์ เราะซุลคัยมะฮ์ ชัรญะฮ์ และอุมอัลกุเวน

อายุโดยเฉลี่ยของประชากรในปี 2563 คือ 34 ปี ซึ่งกลุ่มคนที่เชี่ยวชาญการใช้อินเทอร์เน็ตเหล่านี้เองได้ขับเคลื่อนให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว

ผู้บริโภค UAE ซื้อของออนไลน์อะไรบ้าง

ประเภทสินค้าอีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยม แบ่งตามสัดส่วนการตลาด ได้แก่

·      ท่องเที่ยว 22%

·      อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า 13%

·      เสื้อผ้าและรองเท้า 12%

·      อาหารและเครื่องดื่ม 10%

·      เครื่องใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ 8%

ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2562 ถึงเมษายน 2563 ผู้บริโภคในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ใช้จ่ายออนไลน์แต่ละครั้งคิดเป็นเงินโดยเฉลี่ย 122 ดอลลาร์สหรัฐ

ผลกระทบจากการโรคระบาด

การระบาดของโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยิ่งเติบโต ผู้บริโภค 73% กล่าวว่าตนเองช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้นเมื่อเทียบกับก่อนหน้าการเกิดโรคระบาด ดังนั้น การขนส่งหรือส่งของไป UAE เพื่อจำหน่ายยังเป็นโอกาสทองของผู้ขายจากไทย

คาดการณ์ขนาดตลาดอีคอมเมิร์ซ UAE ภายหลังโควิด-19 ดังนี้

สัดส่วนผู้บริโภค UAE ที่จะยังคงช้อปออนไลน์ภายหลังโควิด-19

รอมฎอน

อิสลามคือศาสนาอย่างเป็นทางการของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประชากรที่อาศัยอยู่ที่นั่น 76% เป็นมุสลิม ทุกๆ ปี ในช่วงเดือนรอมฎอน ผู้ค้าปลีกออนไลน์จะมียอดขายเพิ่มขึ้นเพราะชาวมุสลิมพากันซื้อหาอาหาร เสื้อผ้า และของขวัญ สำหรับเทศกาลเฉลิมฉลองนี้

โอกาสทองของคุณ

60%ของผู้บริโภคสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เคยซื้อสินค้าออนไลน์อย่างน้อยหนึ่งครั้งจากผู้ค้าปลีกต่างประเทศ และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีของผู้ขายจากไทยที่อยากเริ่มส่งของไป UAE เพื่อจำหน่ายให้ผู้บริโภคที่นั่น

สัดส่วนการตลาดของยอดขายข้ามพรมแดนใน UAE

ความต้องการของผู้บริโภค UAE

  • ผู้บริโภคสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์คือคนหนุ่มสาวที่เชี่ยวชาญการใช้เทคโนโลยี และชื่นชอบการช้อปผ่านสมาร์ทโฟน ดังนั้นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณจะต้องใช้งานได้ดีบนมือถือด้วย
  • สกุลเงินหลักของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คือ เดอร์แฮม หรือ AED จงทำเว็บไซต์ของคุณให้เข้ากับตลาดท้องถิ่นโดยแสดงราคาสินค้าที่ผู้บริโภคสามารถซื้อหาด้วยเงินสกุลหลักได้
  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศที่ผู้คนนับถือศาสนาอิสลาม แต่เนื่องจากมีกลุ่มชาวต่างชาติขนาดใหญ่อาศัยอยู่ที่นั่นด้วย เทศกาลวันหยุดซึ่งเป็นช่วงเวลาช้อปปิ้งของชาวตะวันตกอย่าง Black Friday จึงได้รับความนิยมด้วย

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้บริโภค UAE เมื่อเลือกใช้แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์

  • ได้ราคาดีกว่า                             65%
  • มีบริการขนส่งฟรี                        50%
  • มีข้อเสนอและโปรโมชั่นที่ดี          45%
  • ส่งของไป UAE ได้รวดเร็ว            41%
  • มีแอพหรือเว็บที่ใช้งานง่าย          35%

ถ้าคุณพร้อมแล้วสำหรับการค้าข้ามพรมแดน จากนั้นแล้วไงต่อ?

สิ่งที่คุณต้องทำต่อไปก็คือมองหาผู้ช่วยที่เชี่ยวชาญจริงๆ DHL Express คือมืออาชีพตัวจริงในการขนส่งระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะนำเข้าหรือส่งออก ครอบคลุม 220 ประเทศทั่วโลก ดังนั้น เรื่องส่งของไป UAE เรามั่นใจในคุณภาพการบริการและเน็ตเวิร์คการบินระดับโลกของเรา

คลิก เช็กราคา ส่งเลย เพื่อเริ่มต้นส่งของไป UAE  หรือถ้าส่งบ่อยๆ ส่งเป็นประจำ ขอแนะนำให้คุณ เปิดบัญชีกับ DHL Express เพื่อรับสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าบัญชี