#คําแนะนําเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซ

15 เทรนด์อีคอมเมิร์ซที่จะเปลี่ยนแปลงธุรกิจของคุณ

Anna Thompson
Anna Thompson
Discover Content Team
8 min read
facebook sharing button
twitter sharing button
linkedin sharing button
Smart Share Buttons Icon Share
man and woman looking at laptop screen

อีคอมเมิร์ซ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพื่อช่วยให้คุณตามทันการเปลี่ยนแปลง เราได้เลือกเทรนด์อีคอมเมิร์ซล่าสุด 15 เทรนด์ พร้อมด้วยข้อมูลเชิงลึก ข้อมูล และแนะนำขั้นตอนถัดไป เพื่อช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทรนด์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ แต่ก่อนอื่น เราจะนำเทรนด์เหล่านี้มาพิจารณาโดยพิจารณาภาพรวมของอีคอมเมิร์ซ

ภูมิทัศน์อีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน

การแพร่ระบาดทั่วโลกเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการค้าปลีกแบบออฟไลน์ไปสู่อีคอมเมิร์ซ จากข้อมูลของ Forbes 1 ในปี 2023 คาดว่า 20.8% ของการซื้อสินค้าปลีกทั่วโลกจะเกิดขึ้นทางออนไลน์

การแข่งขันภายในภาคอีคอมเมิร์ซไม่เคยรุนแรงเท่านี้มาก่อน ดังนั้น เพื่อที่จะนำหน้า เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องตระหนักถึงเทรนด์ล่าสุดในอีคอมเมิร์ซ และบูรณาการสิ่งเหล่านั้นที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การเติบโตของพวกเขา

1. AR และ VR ยกระดับการช้อปปิ้งออนไลน์

หนึ่งในเทรนด์ที่เกิดขึ้นใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในอีคอมเมิร์ซคือการใช้ Augmented Reality และ Virtual Reality เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์

AR ผสมผสานโลกแห่งความจริงเข้ากับภาพ เสียงที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ หรือทั้งสองอย่าง VR ทำให้ผู้ใช้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สร้างโดยคอมพิวเตอร์ แต่ดูเหมือนจริง โดยใช้ชุดหูฟัง VR

AR และ VR ช่วยให้ลูกค้ามีแนวคิดที่สมจริงมากขึ้นว่าจริง ๆ แล้วผลิตภัณฑ์เป็นอย่างไร เช่น เสื้อผ้าที่เข้ากันพอดี หรือเฉดสีของสีที่ปรากฏบนผนังในห้อง ถ้าเทคโนโลยีถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวางตามที่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ไว้ นักช้อปก็จะมีเหตุผลน้อยลงที่จะไปเยี่ยมชมร้านค้าที่มีหน้าร้านจริง

Tessa Wuertz ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพันธมิตรธุรกิจของ efelle.com คาดการณ์ว่าธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางจะใช้ AR มากขึ้น:

“เราคาดหวังว่าธุรกิจจำนวนมากจะใช้ AR สำหรับผลิตภัณฑ์และธุรกิจของตน มากขึ้นจนกลายเป็นมาตรฐานบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดีย เราเห็นแล้วว่าจะมีการนำไปใช้กับบริษัทขนาดใหญ่ แต่ดิฉันคิดว่าเร็ว ๆ นี้เราจะเริ่มเห็นว่ามันกลายเป็นกระแสหลักสำหรับธุรกิจทุกขนาด” 2

ขั้นตอนต่อไป

  •  การรวมคุณสมบัติ AR ภายในเว็บไซต์หรือแอปของแบรนด์ของคุณจะช่วยให้ลูกค้าของคุณมีไอเดียที่ดีขึ้นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่พวกเขากำลังซื้อ และลดอัตราการคืนสินค้าของคุณ

2. การค้นหาด้วยเสียงและการค้นหาด้วยภาพจะเป็นที่นิยมมากขึ้น

การค้นหาด้วยเสียงเป็นเทรนด์การช้อปปิ้งออนไลน์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้ซื้อเกือบครึ่ง (47%) ใช้เทคโนโลยีคำสั่งเสียงเพื่อซื้อสินค้าออนไลน์ และ 58% พอใจกับประสบการณ์ที่ได้รับ 3

เจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ชาญฉลาดจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพร้านค้าอีคอมเมิร์ซของตนสำหรับการค้นหาด้วยเสียงบน Google โดยใช้คำหลักและวลี

การค้นหาด้วยภาพ ช่วยให้ผู้บริโภคค้นหาโดยใช้รูปภาพได้ เป็นเทรนด์อีคอมเมิร์ซที่มีการพัฒนาน้อยกว่า โดยมีเพียง 8% ของแบรนด์ที่นำเสนอในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก 62% ของคนรุ่นมิลเลนเนียลและ Gen Z ต้องการใช้การค้นหาด้วยภาพ จึงต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่การค้นหาจะกลายเป็นกระแสหลัก

ขั้นตอนถัดไป

  • ใช้กลยุทธ์เชิงความหมายแทนกลยุทธ์ตามคีย์เวิร์ด – SEO เชิงความหมายจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าเทคโนโลยีการค้นหาด้วยเสียงของคุณจะจดจำวิธีที่ลูกค้าของคุณค้นหาด้วยคำพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าการพิมพ์
data

3. AI จะรวบรวมข้อมูลมากยิ่งขึ้น

ลูกค้าออนไลน์คาดหวังประสบการณ์ออนไลน์ที่เป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง และนั่นคือจุดที่เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยุคใหม่ได้เปลี่ยนแปลงไป AI สามารถเข้าใจข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าในระดับที่ลึกยิ่งขึ้น เพื่อช่วยให้ธุรกิจเพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้าและอัตราการปิดการขาย

ขั้นตอนถัดไป

โอกาสที่ AI มอบให้กับธุรกิจอีคอมเมิร์ซนั้นไม่มีที่สิ้นสุด แต่บางวิธีที่ AI สามารถปรับปรุงการดำเนินงานได้ ได้แก่:

  • จากข้อมูลประวัติการเข้าชมก่อนหน้านี้ AI สามารถช่วยให้ธุรกิจต่าง ๆ นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่แนะนำเฉพาะบุคคลแก่ลูกค้าได้
  • AI สามารถปรับปรุงเนื้อหาที่เป็นลายลักษณ์อักษรและภาพ เช่น คำอธิบายผลิตภัณฑ์ ให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถติดตามการสนทนาของลูกค้าก่อนหน้านี้ เพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

4. การช้อปปิ้งในร้านค้าจะเป็นแบบส่วนตัวมากขึ้น หรืออาจจะไม่ใช่

ข้อมูลที่รวบรวมโดย AI ช่วยให้ธุรกิจสามารถนำเสนอประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวแก่ลูกค้าเมื่อช้อปปิ้งออนไลน์ เช่น คำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ปรับให้เหมาะสม สิ่งนี้กระตุ้นให้ผู้ซื้อทำการซื้อให้เสร็จสิ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคเริ่มต่อต้านการแบ่งปันข้อมูลของพวกเขามากขึ้น สิ่งนี้จะเป็นจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการปรับเปลี่ยนในแบบของคุณนั้นขยายออกจากแพลตฟอร์มการช้อปปิ้ง และเริ่มปรากฏที่อื่น บนอุปกรณ์อื่น ๆ ในบ้าน ทั้งหมดเป็นไปได้ก็เพราะ Internet of Things

ขั้นตอนถัดไป

  • ใช้ประวัติการซื้อที่ผ่านมาของลูกค้าเพื่อส่งข้อเสนอและส่วนลดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
  • อย่าลืมแจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลทุกครั้งที่คุณขอข้อมูลจากลูกค้า

5. การคืนสินค้ายังคงเป็นภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการคืนสินค้าฟรีเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจผู้บริโภคอย่างมาก 30% ของคำสั่งซื้อออนไลน์ถูกตีกลับ ส่งผลให้การคืนสินค้ากลายเป็นต้นทุนที่สูงสำหรับธุรกิจ

หนึ่งในเทรนด์อีคอมเมิร์ซที่เกิดขึ้นใหม่คือธุรกิจต่างๆ เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการคืนสินค้า โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการค้าปลีกอย่าง Zara และ Uniqlo ได้เริ่มนโยบายดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว แล้วธุรกิจของคุณควรจัดการการคืนสินค้าอย่างไร?

ขั้นตอนถัดไป

  • คุณสามารถเสนอการคืนสินค้าให้กับลูกค้าของคุณได้ฟรีในช่วงทดลองใช้งานเพื่อประเมินว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นจะชดเชยต้นทุนธุรกิจของคุณหรือไม่
  • กันไว้ดีกว่าแก้ ลองลดอัตราการคืนสินค้าของคุณตั้งแต่แรกด้วย เคล็ดลับเหล่านี้

6.    แชทบอท จะอยู่ทุกหนทุกแห่ง

แชทบอท (Chatbots) จะถูกนำมาใช้มากขึ้นเพื่อสนับสนุนลูกค้าในอีคอมเมิร์ซ โดยคาดว่าตลาดโลกจะมีมูลค่า 3.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 20304

เนื่องจากตลาดอีคอมเมิร์ซมีการแข่งขันสูงขึ้น การบริการลูกค้าที่มีประสิทธิภาพจากแชทบอทคือจุดสร้างความแตกต่างระหว่างลูกค้าที่หงุดหงิดและกำลังจะออกจากเว็บสโตร์ของคุณเพื่อไปซื้อสินค้าที่อื่น กับการอยู่ต่อเพื่อซื้อสินค้า

แชทบอทที่มีความซับซ้อนที่สุดสามารถใช้ข้อมูลก่อนหน้าของลูกค้าเพื่อคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ใดจะดึงดูดพวกเขา หรือแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ส่งเสริมการซื้อครั้งล่าสุด ซึ่งช่วยเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น

ขั้นตอนต่อไป

  • ดูวิธีที่สามารถเปลี่ยนยอดขายธุรกิจของคุณได้ด้วยแชทบอท ด้วยการเจาะลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมนี้ คลิกที่นี่
Image showing discover app on a mobile screen

  • Fortnightly insights, tips and free assets
  • We never share your data
  • Shape a global audience for your business
  • Unsubscribe any time
Image showing discover app on a mobile screen
hand swiping on a mobile

7.    M-commerce จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง

การค้าบนมือถือหรือ m-commerce สามารถกำหนดได้ว่าเป็นการซื้อ ขายสินค้าและบริการโดยใช้อุปกรณ์พกพาไร้สาย เช่น สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งหมายถึงโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับธุรกิจของคุณ

จากข้อมูลของ Statista 5 ยอดขายขายปลีกบนสมาร์ทโฟนคาดว่าจะสูงถึง 400 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2024 เกือบสองเท่าของจำนวนที่คาดการณ์ในปี 2021

ขั้นตอนถัดไป

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ปัจจุบันของคุณได้ถูกปรับให้เหมาะกับมือถือ
  • ยิ่งไปกว่านั้น ควรลงทุนพัฒนา แอปมือถือ โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจของคุณ อัตราการปิดการขายผ่านแอปมือถือสูงกว่า 130% เมื่อเทียบกับเว็บไซต์บนมือถือ

8.    การขายทางโซเชียลก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ด้วยแพลตฟอร์มโซเชียลที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อโดยตรงจากธุรกิจต่าง ๆ โดยไม่ต้องออกจากแอป ยอดขายบนโซเชียลจึงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสามเท่าเป็น 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2025 จากการศึกษาของ Accenture 7

โดยเฉพาะธุรกิจอีคอมเมิร์ซขนาดเล็ก การค้าผ่านโซเชียลมีเดียถือเป็นเส้นทางการขายที่คุ้มค่า

ขั้นตอนถัดไป

  • หลายๆ คนใช้โซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาแบรนด์ก่อนซื้อ ดังนั้น ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าฟีดของคุณมีข้อมูลผลิตภัณฑ์มากพอและภาพถ่ายที่มีความคมชัดสูง อย่าลืมตอบคำถามของผู้ติดตามอย่างรวดเร็ว
  • เพิ่มฟีเจอร์การช้อปปิ้งในแอปลงในช่องทางโซเชียลมีเดียของคุณ เพื่อให้ลูกค้าซื้อจากแบรนด์ของคุณได้อย่างง่าย ๆ
  • ถ้าคุณกำลังสนใจ การตลาดแบบใช้อินฟลูเอนเซอร์ ให้เน้นที่การมีส่วนร่วมของผู้ติดตาม ไม่ใช่เพียงจำนวนผู้ติดตาม

9.    ตัวเลือกการชำระเงินเพิ่มเติม

โซลูชันการชำระเงินออนไลน์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริการ "ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง" กำลังเป็นจุดสนใจ บริการนี้ช่วยให้นักช้อปออนไลน์สามารถชำระค่าสินค้าเป็นงวดได้ และให้บริการโดยบริษัทต่าง ๆ เช่น Klarna, PayPal และ Afterpay ตามข้อมูลของ Mastercard ซึ่งเพิ่งเปิดตัวการผ่อนชำระของ Mastercard จะช่วยลดอัตราการละทิ้งรถเข็นออนไลน์ลง 35% 8

ขั้นตอนถัดไป

  • นักช้อปออนไลน์มีแนวโน้มที่จะตัดสินใจซื้อมากขึ้น 70% หากมีวิธีการชำระเงินที่ต้องการ แสดงเป็นตัวเลือกเมื่อชำระเงิน ดังนั้น ต้องเสนอทางเลือกมาก ๆ - สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ต้องพิจารณา
  • หากคุณขายสินค้าให้กับลูกค้าต่างประเทศ อย่าลืมศึกษาวิธีการชำระเงินในท้องถิ่นด้วย Country Guides ของเรา มีข้อมูลเชิงลึกที่คุณต้องการ

10. ธุรกิจจำนวนมากขึ้นจะเปลี่ยนไปสู่การค้าแบบ Headless commerce

ในการสำรวจล่าสุดโดย Salesforce 9 ผู้นำธุรกิจ 80% กล่าวว่าพวกเขาวางแผนที่จะเปลี่ยนมาใช้การค้าแบบ Headless commerce แล้วมันคืออะไร และทำไมมันถึงเป็นหนึ่งในเทรนด์อีคอมเมิร์ซที่ได้รับความนิยมมากที่สุด?

พูดง่าย ๆ ก็คือ การค้าแบบ Headless commerce คือโซลูชันอีคอมเมิร์ซยุคใหม่ ที่แยกส่วนหน้าบ้านและส่วนหลังบ้านของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันออก โดยใช้ Application Programming Interfaces (API) เพื่อส่งเนื้อหาไปยังเฟรมเวิร์กส่วนหน้าบ้าน

จึงทำให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) ได้ เช่น ลำโพงอัจฉริยะ อุปกรณ์ออกกำลังกายอัจฉริยะ หรือแม้แต่ตู้เย็นอัจฉริยะ ไม่ใช่แค่พีซี แล็ปท็อป และสมาร์ทโฟนทั่วไป การนำเส้นทางการช้อปปิ้งออนไลน์เหล่านี้มารวมกัน การค้าขายแบบ Headless commerce จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และเพิ่มโอกาสใหม่ๆในการขายและเนื่องจากวิธีนี้สามารถรวมช่องทางการขายใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้การขายแบบ Omnichannel มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

ผลประโยชน์ทั้งหมดนี้จะทำให้การค้าแบบ Headless commerce เป็นหนึ่งในแนวโน้มที่พิสูจน์ได้ในอนาคตในอีคอมเมิร์ซ

ขั้นตอนต่อไป

  • สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก การเพิ่ม API ให้กับแพลตฟอร์มการค้าที่มีอยู่เป็นก้าวแรกที่ดีในการค้าขายแบบ Headless commerce ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงสามารถปรับแต่งส่วนหน้าเพื่อสร้างรูปลักษณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของแบรนด์ได้
man holding items smiling at camera

11. ความสำคัญที่มีอย่างต่อเนื่องของการตลาดผ่านวิดีโอ

วิดีโอสามารถช่วยให้ลูกค้าเห็นภาพผลิตภัณฑ์ได้ดีกว่าคำอธิบายที่ละเอียดที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมกระแสวีดีโอจึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในการชอปปิ้งออนไลน์

คุณสามารถใช้วิดีโอเพื่อแสดงขนาดของผลิตภัณฑ์ วิธีการทำงาน และรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ และยิ่งลูกค้าทราบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ก่อนซื้อมากเท่าใด โอกาสที่พวกเขาจะคืนสินค้าก็จะน้อยลงเท่านั้น ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินให้กับธุรกิจของคุณในระยะยาว

ขั้นตอนต่อไป

  • ทดลองใช้วิดีโอผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของคุณ คำรับรองจากลูกค้าและคำแนะนำ "วิธีการ" เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการดึงดูดผู้ชมของคุณ

12.  การสมัครสมาชิก

การสมัครสมาชิกออนไลน์ตอบสนองความต้องการทั้งความสะดวกสบายของลูกค้าและรายได้สม่ำเสมอที่คาดการณ์ได้สำหรับธุรกิจ

การสมัครสมาชิกสามารถใช้ได้กับทุกสิ่งตั้งแต่บริการสตรีมมิ่งเช่น Netflix ไปจนถึงการส่งอาหารและสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ เป็นประจำ โมเดลนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่คนรุ่น Millennials ดังนั้นจึงดูเหมือนว่ามันจะยังคงอยู่ต่อไป ที่จริงคาดว่าการสมัครสมาชิกจะมีมูลค่า 2,419.69 พันล้านดอลลาร์ 10 ภายในปี 2028

ขั้นตอนถัดไป

  • ลูกค้าล้วนชอบข้อเสนอ พวกเขาจะเข้าร่วมบริการสมัครสมาชิกของคุณก็ต่อเมื่อราคาถูกกว่าการซื้อเฉพาะกิจเท่านั้น ดังนั้น จงเตรียมพร้อมเสนอส่วนลด
  • สร้างการมีส่วนร่วมของสมาชิกด้วยการมอบสิทธิพิเศษ เช่น รหัสส่วนลดในวันเกิดของพวกเขา

13.  ความยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญตอนนี้

ผู้บริโภคทใส่ใจสิ่งแวดล้อมเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่ยั่งยืนมากขึ้น นอกจากการลดบรรจุภัณฑ์ให้เหลือน้อยที่สุดและใช้วัสดุรีไซเคิลสำหรับผลิตภัณฑ์ของคุณทุกครั้งที่เป็นไปได้ คุณต้องคำนึงถึงคนที่คุณเลือกเป็นพันธมิตรด้านโลจิสติกส์

ขั้นตอนต่อไป

  • ปรึกษา DHL ผู้นำด้านโลจิสติกส์รายนี้ได้ตั้งเป้าหมายอันท้าทายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 และได้บรรลุเป้าหมายหลายข้อตั้งแต่เนิ่น ๆ ศึกษาบริการ GoGreen ที่ครอบคลุมตั้งแต่การขนส่งที่เป็นกลางต่อสภาพอากาศ ไปจนถึงการชดเชยคาร์บอน (carbon offsetting) เพิ่มเติม เพื่อหาบริการที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ที่นี่

14.  การเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับอัตราการปิดการขาย

ในภาวะเศรษฐกิจที่ผู้คนใช้จ่ายน้อยลง การเปลี่ยนผู้เยี่ยมชมร้านค้าบนเว็บของคุณให้เป็นผู้ซื้อถือเป็นสิ่งสำคัญ การใช้เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอัตราการปิดการขาย (CRO) สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายนี้ได้ ทั้งนี้ ประกอบด้วยเครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรม เครื่องมือวิเคราะห์เว็บ และเครื่องมือทดสอบ CRO

จากข้อมูลของ Verfacto 10 ผลตอบแทนจากการลงทุนโดยเฉลี่ยจากการใช้เครื่องมือ CRO มีมากกว่า 223% การใช้ชุดเครื่องมือแบบผสมที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดีที่สุดและเปลี่ยนการเข้าชมให้เป็นยอดขายได้ดีขึ้น

ขั้นตอนต่อไป

  • ศึกษาเครื่องมือ CRO เช่น Hotjar และ Glassbox สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ และ Google Analytics หรือ Mixpanel สำหรับข้อมูลเชิงปริมาณ
two men shaking hands over a table

15.  การเติบโตอย่างต่อเนื่องของ B2B อีคอมเมิร์ซ

นอกจาก B2C อีคอมเมิร์ซ แล้ว B2B อีคอมเมิร์ซ ยังได้รับแรงหนุนจากโควิดด้วย เนื่องจากธุรกรรม B2B แบบดั้งเดิมถูกบังคับให้ออนไลน์ ยิ่งกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงยังได้รับแรงผลักดันจากการเพิ่มขึ้นของคนรุ่นมิลเลนเนียลในบทบาทการตัดสินใจที่สำคัญของ B2B คนรุ่นนี้ซึ่งเติบโตมากับอินเทอร์เน็ต ชอบค้นคว้าข้อมูลผลิตภัณฑ์ออนไลน์มากกว่าติดต่อกับพนักงานขายทางโทรศัพท์หรือด้วยตนเอง เมื่อพิจารณาจากทั้งหมดแล้ว การเติบโตของ B2B ดูเหมือนจะเป็นแนวโน้มอีคอมเมิร์ซที่จะเร่งตัวขึ้นแทนที่จะย้อนกลับ

ขั้นตอนต่อไป

 

การตัดสินใจว่าจะติดตามเทรนด์อีคอมเมิร์ซใด

แน่นอนว่า ไม่ใช่เทรนด์ทั้งหมดที่กล่าวถึงข้างต้นจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ แต่มีตัวบ่งชี้ที่ดีบางประการที่คุณสามารถปฏิบัติตามได้ เพื่อเป็นการเริ่มต้น ให้จับตาดูสิ่งที่กำลังถูกพูดถึงในอุตสาหกรรมของคุณอย่างใกล้ชิด หากบล็อกเกอร์ในอุตสาหกรรมที่น่าเชื่อถือเขียนเกี่ยวกับหนึ่งในเทรนด์ดังกล่าว ก็อาจจะคุ้มค่าที่จะพิจารณาเพิ่มเติม ในทำนองเดียวกัน อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับข้อมูลล่าสุดด้วยการวิจัยล่าสุดและรายงานแนวโน้มอุตสาหกรรม

ตัวบ่งชี้ที่ดีอีกประการหนึ่งคือลูกค้าของคุณเอง ใช้การวิเคราะห์เพื่อติดตามพฤติกรรมและรับข้อมูลเชิงลึก โดยการใช้ข้อมูล คุณอาจตัดสินใจได้ว่าเทรนด์การช้อปปิ้งออนไลน์แบบใดที่จะเหมาะกับลูกค้าของคุณ และแน่นอน คุณสามารถขอความคิดเห็นจากลูกค้าได้โดยตรงเสมอ ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลเชิงลึกที่ดีตลอดมา

สุดท้าย ดูที่คู่แข่งของคุณ พวกเขากำลังทำอะไรอยู่ และมันได้ผลสำหรับพวกเขาหรือเปล่า? จากนั้นจึงสรุปผลด้วยตัวคุณเอง